อัศวิน ชั่งใจชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. หวั่นฟ้าถล่ม ดินทลาย ไม่ได้เลือกตั้ง
เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 8 มีนาคม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สัมภาษณ์ที่โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ เขตบางเขน ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอให้มีการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นของกรุงเทพมหานคร (กทม.) และเมืองพัทยา โดยให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปกำหนดวันเลือกตั้งก่อนเสนอกลับเข้า ครม. เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา ว่าขณะนี้ยังไม่มีการประกาศราชกิจจานุเบกษาเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจนจาก กกต.
“จึงยังชั่งใจว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ แม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียวยังไม่ได้คิด แต่ถ้าคิดแล้วมันง่ายนิดเดียว ซึ่งกำลังดูอยู่ว่าสื่อยังรักเราอยู่หรือไม่ ถ้าเกิดรัก เราก็จะลง ทั้งนี้ อยากรอให้ชัดเจนก่อน เพราะตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเลือกวันที่เท่าไร และรับสมัครเมื่อใด” พล.ต.อ.อัศวินกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งจะลงสมัครในนามพรรคใด พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า ตนไม่มีพรรค มีแต่พวก
“ถ้าสมมุติ กกต.ประกาศวัน วันนั้นให้มาถามได้เลย ที่มีการคาดการณ์วันมาก็เอาให้ชัวร์ๆ ก่อน เกิดฟ้าถล่ม ดินทลาย ไม่ได้เลือกตั้ง ส่วนเรื่องจะลงสมัครหรือไม่นั้นต้องดูว่าพร้อมหรือไม่ ตอนนี้ยังตัดสินใจไม่ได้ กำลังถามตัวเองว่าพร้อมหรือไม่ อายุไม่เกี่ยว ทีมงานไม่ต้อง เพราะว่าเป็นวัน แมน โชว์ อยู่แล้ว ชอบฉายเดี่ยว ผมเป็นประเภทเอเชีย เล่นเป็นทีมไม่เป็น ชอบเล่นเดี่ยว นอกจากนี้ต้องดูครอบครัวด้วยว่าอยากให้เล่นการเมืองหรือไม่ เพราะผมไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ แต่โตมาจากการเป็นข้าราชการ ซึ่งในช่วงที่ดำรงตำแหน่งอยู่เหมือนนักการเมือง และพยายามทำให้ไม่น้อยหน้านักการเมือง” พล.ต.อ.อัศวินกล่าว
เมื่อถามว่ากรณี นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ลาออกเพื่อไปเตรียมตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง ถือว่าเป็นคู่แข่งหรือไม่ และหนักใจหรือไม่ พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า ไม่รู้ ต้องไปถามนายสกลธี แต่ตนไม่มีหนักใจ และไม่มีหนักใจเลยสักคนเดียว เพราะเด็กๆ ทั้งนั้น
ต่อข้อถามว่า เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ที่นายกรัฐมนตรีเชิญเข้าไปพบที่ทำเนียบรัฐบาลได้มีการพูดคุยเรื่องอะไรบ้าง พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า เรื่องโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่บางโรงพยาบาล (รพ.) ไม่เพียงพอสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 และผู้ป่วยสีเขียว กทม.จะให้การรักษาที่บ้าน ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง เป็นที่แจกยา และรักษาแบบผู้ป่วยนอก (OPD) ได้ เพราะ รพ.ไม่พอ