พระราชบัญญัติ
องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก
พ.ศ. 2510
–––––––––––––
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2510
เป็นปีที่ 22 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดย คำแนะนำและยินยอมของสภาร่างรัฐธรรมนูญในฐานะรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พ.ศ. 2510
มาตรา 2(1) พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิก
(1) พระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พ.ศ. 2491
(2) พระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2495
(3) พระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2499
บรรดาบทกฎหมาย กฎและข้อบังคับอื่นในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้
ทหารผ่านศึก หมายความว่า
(1) ทหารหรือบุคคลซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ในราชการทหารหรือบุคคลซึ่งทำหน้าที่ทหารตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนดและได้กระทำหน้าที่นั้นในการสงครามหรือในการรบไม่ว่าภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร หรือในการปราบปรามการจลาจล
(2) ทหารหรือบุคคลซึ่งทำการป้องกันหรือปราบปรามการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงหรือความปลอดภัย
แห่งราชอาณาจักรไม่ว่าภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงกลาโหม หรือสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนด
ทหารผ่านศึกประจำการ หมายความว่า ทหารผ่านศึกที่กำลังรับราชการทหารหรือราชการประจำในกระทรวง ทบวง กรม เว้นแต่ผู้ที่เป็นข้าราชการการเมือง ข้าราชการวิสามัญ หรือลูกจ้าง
ทหารผ่านศึกนอกประจำการ หมายความว่า ทหารผ่านศึกผู้ที่ไม่ใช่ทหารผ่านศึกประจำการ
ครอบครัวทหารผ่านศึก หมายความว่า บิดามารดา สามีภริยาและบุตรของทหารผ่านศึก
ทหารนอกประจำการ หมายความว่า ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 หรือผู้ที่พ้นราชการทหารประเภทที่ 1 รวมทั้งนายทหารสัญญาบัตรและนายทหารประทวนนอกประจำการซึ่งมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัด บำเหน็จหรือบำนาญตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นทหารผ่านศึกหรือไม่
กรรมการ หมายความว่า กรรมการสภาทหารผ่านศึก
ผู้อำนวยการ หมายความว่า ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก
รองผู้อำนวยการ หมายความว่า รองผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก
พนักงาน หมายความว่า บุคคลซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่สังกัดอยู่ในองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก รับเงินเดือนจากเงินงบประมาณประเภทเงินเดือนขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก
รัฐมนตรี หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด 1
การจัดตั้ง และบททั่วไป
——
มาตรา 6 ให้จัดตั้งองค์การขึ้นเรียกว่า องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เรียกโดยย่อว่า อผศ. เป็นองค์การของรัฐเพื่อการกุศล แต่มิใช่รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ มีวัตถุประสงค์เพื่อสงเคราะห์
(1) ทหารผ่านศึก
(2) ครอบครัวทหารผ่านศึก และ
(3) ทหารนอกประจำการ
มาตรา 7 ให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเป็นนิติบุคคล
มาตรา 8 อผศ.มีสำนักงานใหญ่ในจังหวัดพระนคร และจะตั้งสำนักงานสาขาหรือสำนักงานตัวแทนขึ้น ณ ที่ใดก็ได้ ถ้าจะตั้งสำนักงานสาขาหรือสำนักงานตัวแทนขึ้น ณ ต่างประเทศ ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีก่อน
มาตรา 9 ให้ อผศ.มีรายได้ดังนี้
(1) เงินอุดหนุนจากงบเงินอุดหนุนของกระทรวงกลาโหม
(2) เงินที่รัฐบาลกำหนดให้เป็นครั้งคราว
(3) เงินผลประโยชน์และค่าธรรมเนียมของ อผศ.
(4) เงินและทรัพย์สินอย่างอื่นซึ่ง อผศ.ได้รับบริจาค
มาตรา 10 เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในมาตรา 6 ให้ อผศ.มีอำนาจและหน้าที่รวมถึง
(1) มีทรัพยสิทธิต่าง ๆ ถือกรรมสิทธิ์ ครอบครอง สร้าง ซื้อ เช่า ให้เช่า ให้เช่าซื้อ ยืม ให้ยืม จัดสรร จัดหา จำหน่าย ทำการแลกเปลี่ยนโอนและรับโอนด้วยประการใด ๆ ซึ่งที่ดินหรือทรัพย์สินอื่น
(2) ประกอบการงานหรือร่วมการงานหรือสมทบกับบุคคลอื่นไม่ว่าจะเป็นการค้าหรือการอื่น
(3) ให้กู้ยืมเงินโดยมีหลักประกันด้วยบุคคลหรือด้วยทรัพย์
มาตรา 11 ทหารผ่านศึก ครอบครัวทหารผ่านศึก หรือทหารนอกประจำการที่จะได้รับการสงเคราะห์หรือถูกงดการสงเคราะห์ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการในข้อบังคับสภาทหารผ่านศึก
มาตรา 12 ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สินและความรับผิดตลอดจนพนักงาน ลูกจ้าง เงินงบประมาณขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกตามพระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พ.ศ. 2491 แก่ อผศ.
ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติยุบเลิกมูลนิธิช่วยทหารและครอบครัวทหารที่ไปช่วยสหประชาชาติทำการรบ ณ ประเทศเกาหลี ตามตราสารจัดตั้งมูลนิธินั้น ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สินและความรับผิดตลอดจน พนักงาน ลูกจ้าง เงินงบประมาณของมูลนิธินั้น แก่ อผศ.
มาตรา 13 ผู้ได้รับการสงเคราะห์จากองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นผู้ได้รับการสงเคราะห์ต่อไปเช่นเดียวกับผู้ได้รับการสงเคราะห์ตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด 2
การควบคุม และการบริหาร
——
ส่วนที่ 1
การควบคุม
——
มาตรา 14 ให้มีสภาทหารผ่านศึก ประกอบด้วยรัฐมนตรีเป็นนายก ผู้อำนวยการเป็นอุปนายก รองผู้อำนวยการเป็นกรรมการ โดยตำแหน่ง และกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งด้วยความเห็นชอบของสภากลาโหม คือ จากทหารผ่านศึกประจำการเจ็ดคน และทหารผ่านศึกนอกประจำการเก้าคน
ให้เลขานุการ อผศ.เป็นเลขาธิการของสภาทหารผ่านศึกโดยตำแหน่ง
มาตรา 15 กรรมการที่ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งสองปี
ในวาระเริ่มแรก เมื่อครบกำหนดหนึ่งปี ให้กรรมการที่ได้รับแต่งตั้งประเภททหารผ่านศึกประจำการพ้นจากตำแหน่งสามคน และประเภททหารผ่านศึกนอกประจำการพ้นจากตำแหน่งสี่คน ทั้งนี้โดยวิธีจับสลาก การพ้นจากตำแหน่งดังกล่าวให้ถือว่าเป็นการออกตามวาระ
ถ้าตำแหน่งกรรมการว่างลงเพราะเหตุอื่นนอกจากถึงวาระให้แต่งตั้งบุคคลในประเภทเดียวกันเป็นกรรมการแทนเท่าวาระของกรรมการที่พ้นจากตำแหน่ง
มาตรา 16 ให้กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระ คงมีอำนาจและหน้าที่ดำเนินการในตำแหน่งต่อไปจนกว่ากรรมการที่ได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่
กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระ อาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ไม่เกินหนึ่งครั้งติดต่อกัน
มาตรา 17 กรรมการย่อมพ้นจากตำแหน่งก่อนถึงวาระโดย
(1) ลาออก
(2) รัฐมนตรีให้ออกโดยความเห็นชอบของสภากลาโหม
(3) กรรมการประเภททหารผ่านศึกประจำการหรือกรรมการประเภททหารผ่านศึกนอกประจำการ พ้นจากการเป็นทหารผ่านศึกประเภทดังกล่าว
มาตรา 18 ให้สภาทหารผ่านศึกมีอำนาจหน้าที่วางนโยบายและควบคุมกิจการทั่วไปของ อผศ.และให้มีอำนาจ
(1) กำหนดข้อบังคับตามมาตรา 11
(2) กำหนดข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงานและดำเนินกิจการ
(3) กำหนดข้อบังคับเกี่ยวกับการเงิน ทรัพย์สิน และการบัญชีรวมทั้งการสอบบัญชีและการตรวจ
(4) กำหนดข้อบังคับว่าด้วยบำเหน็จและเงินสะสมของพนักงาน
(5) กำหนดข้อบังคับว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์ เงินสมทบกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์อื่น ๆ เพื่อสวัสดิการของผู้ปฏิบัติงานและครอบครัว ซึ่งเมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้วให้ใช้บังคับได้
(6) พิจารณาให้ความเห็นชอบงบประมาณรายจ่าย
(7) ตั้งอนุกรรมการ เพื่อกระทำการใด ๆ ตามที่มอบหมาย
ข้อบังคับสภาทหารผ่านศึกนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
มาตรา 19 ให้มีการประชุมสามัญสภาทหารผ่านศึกอย่างน้อยทุกระยะเวลาสามเดือน
ให้มีการเรียกประชุมวิสามัญสภาทหารผ่านศึกเมื่อนายกสภาทหารผ่านศึกเห็นสมควรหรือเมื่อกรรมการตั้งแต่สามคนขึ้นไปร้องขอ
สภาทหารผ่านศึกจะเชิญบุคคลใดมาให้ข้อเท็จจริง คำอธิบาย คำแนะนำ หรือความเห็นก็ให้กระทำได้
มาตรา 20 การประชุมทุกคราวต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่าเก้าคน โดยมีกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งไม่น้อยกว่าประเภทละสามคนมาประชุม จึงเป็นองค์ประชุม
มาตรา 21 ให้นายกสภาทหารผ่านศึกเป็นประธานในที่ประชุม ถ้านายกสภาทหารผ่านศึกไม่มาประชุม ให้อุปนายกสภาทหารผ่านศึกเป็นประธาน ถ้าอุปนายกสภาทหารผ่านศึกก็ไม่มาประชุม ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
มาตรา 22 มติของที่ประชุมให้ถือคะแนนเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
มาตรา 23 มติของสภาทหารผ่านศึกในกรณีที่ให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีนั้น ให้รัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
ส่วนที่ 2
การบริหาร
——
มาตรา 24 ให้รัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งนายทหารสัญญาบัตรประจำการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการหนึ่งคน และรองผู้อำนวยการหนึ่งคน ด้วยความเห็นชอบของสภากลาโหม
การถอดถอนผู้อำนวยการหรือรองผู้อำนวยการ ให้รัฐมนตรีกระทำได้ด้วยความเห็นชอบของสภากลาโหม
มาตรา 25 ผู้อำนวยการเป็นผู้บริหารกิจการของ อผศ.ให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับและนโยบายที่สภาทหารผ่านศึกกำหนด และมีอำนาจบังคับบัญชาพนักงานทุกตำแหน่งและลูกจ้าง
ผู้อำนวยการต้องรับผิดชอบในการจัดการและดำเนินงานของ อผศ.
มาตรา 26 ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ผู้อำนวยการเป็นผู้กระทำการในนามของ อผศ.และเป็นผู้กระทำการแทน อผศ.และเพื่อการนี้ผู้อำนวยการจะมอบอำนาจให้ตัวแทนของ อผศ.ที่ได้ตั้งขึ้นตามมาตรา 8 และมาตรา 30 หรือบุคคลใด ๆ ปฏิบัติกิจการเฉพาะอย่างแทนก็ได้ ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามข้อบังคับสภาทหารผ่านศึก
ในกรณีที่มีข้อบังคับสภาทหารผ่านศึกกำหนดไว้ว่านิติกรรมใดผู้อำนวยการจะทำได้ก็แต่โดยความเห็นชอบของสภาทหารผ่านศึกก่อน บรรดานิติกรรมที่ผู้อำนวยการทำขึ้นโดยมิได้รับความเห็นชอบดังกล่าว ย่อมไม่ผูกพัน อผศ.เว้นแต่ สภาทหารผ่านศึกจะให้สัตยาบัน
มาตรา 27 ผู้อำนวยการมีอำนาจ
(1) บรรจุ แต่งตั้ง ถอดถอน เลื่อน ลดหรือตัดเงินเดือน ตลอดจนลงโทษพนักงานและลูกจ้าง ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามข้อบังคับสภาทหารผ่านศึก
(2) วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของ อผศ.โดยไม่ขัดหรือแย้งกับข้อบังคับสภาทหารผ่านศึก
มาตรา 28 ให้รองผู้อำนวยการทำหน้าที่ช่วยผู้อำนวยการในกิจการทั้งปวงอันอยู่ในหน้าที่ของผู้อำนวยการ และเป็นผู้ทำการแทนผู้อำนวยการในเรื่องที่ผู้อำนวยการมอบหมายหรือเมื่อผู้อำนวยการไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เว้นแต่ ในหน้าที่อุปนายกสภาทหารผ่านศึก
ถ้าผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งนายทหารสัญญาบัตรประจำการเป็นผู้รักษาการแทนผู้อำนวยการชั่วคราว
มาตรา 29 ให้ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ ผู้รักษาการแทน และพนักงานตามพระราชบัญญัตินี้ เป็นเจ้าพนักงานตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 30 ให้รัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งนายทหารประจำการดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานสาขาหรือสำนักงานตัวแทนซึ่งได้ตั้งขึ้นตามมาตรา 8 ได้ตามความเหมาะสม
ในกรณีที่สมควรแต่งตั้งบุคคลอื่นที่มิใช่นายทหารประจำการดำรงตำแหน่งดังกล่าวในวรรคหนึ่ง ให้ผู้อำนวยการเป็นผู้แต่งตั้งได้
ให้หัวหน้าสำนักงานสาขาหรือสำนักงานตัวแทนเป็นตัวแทนของ อผศ. ตามข้อบังคับสภาทหารผ่านศึก
หมวด 3
ตราเครื่องหมาย เหรียญและเข็ม
——
มาตรา 31 ตราเครื่องหมายของ อผศ.มีรูปลักษณะดังรูปตราเครื่องหมายท้ายพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 32 อผศ.อาจจัดทำเหรียญและเข็มขององค์การเพื่อเป็นเครื่องหมายประดับสำหรับบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือมีอุปการคุณในกิจการของ อผศ. ชนิด ชั้น ของเหรียญและเข็ม และรายละเอียดแห่งการใช้สิทธิประดับ ให้เป็นไปตามข้อบังคับสภาทหารผ่านศึก
หมวด 4
บทกำหนดโทษ
——
มาตรา 33 ผู้ใดมิใช่ในกิจการของ อผศ.หรือโดยมิได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจาก อผศ.ใช้ชื่อหรือถ้อยคำในประการที่น่าจะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นกิจการของ อผศ.หรือเกี่ยวเนื่องกับกิจการของ อผศ.ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นิติบุคคลใดมิใช่กระทรวง ทบวง กรม หรือโดยมิได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจาก อผศ.ใช้คำว่า อผศ. ทหารผ่านศึก ผ่านศึก นอกประจำการ หรือคำว่า ทหาร เป็นชื่อหรือประกอบชื่อของนิติบุคคลนั้นให้ถือว่าผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้น กระทำการดังกล่าวในวรรคหนึ่ง
มาตรา 34 ผู้ใดใช้ตราเครื่องหมายของ อผศ.โดยไม่มีสิทธิใช้ทำตราเครื่องหมายของ อผศ.โดยไม่ได้รับอำนาจจาก อผศ.ทำปลอมหรือเลียนแบบคล้ายคลึงตราหรือรอยตราเครื่องหมายของ อผศ.หรือใช้สิ่งที่ทำปลอมหรือเลียนแบบคล้ายคลึงตราเครื่องหมายเช่นนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 35 ผู้ใดใช้เหรียญหรือเข็มอันเป็นเครื่องหมายประดับของ อผศ.โดยไม่มีสิทธิใช้ตามมาตรา 32 หรือทำเหรียญหรือเข็มเช่นนั้นโดยไม่ได้รับอำนาจจาก อผศ.หรือทำหรือใช้สิ่งเทียมหรือเลียนแบบหรือคล้ายคลึงหรียญหรือเข็ม
เช่นนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลตรี กรมหมื่นนราธิปพงษ์ประพันธ์
รองนายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากทางราชการทหาร มีความประสงค์ที่จะขยายการสงเคราะห์ให้รวมไปถึงทหารนอกประจำการ ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน และพลเรือนซึ่งได้กระทำหน้าที่ป้องกันหรือปราบปรามการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงหรือความปลอดภัยแห่งราชอาณาจักร กับทั้งสมควรรวมมูลนิธิช่วยทหารและครอบครัวทหารที่ไปช่วยสหประชาชาติทำการรบ ณ ประเทศเกาหลีให้เข้าอยู่ในองค์การนี้ด้วย จึงสมควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายว่าด้วยองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกให้เหมาะสมกับกาลสมัยและสถานการณ์ของบ้านเมืองในปัจจุบัน