นิติบุคคลอาคารชุดนำทรัพย์สินส่วนกลางไปหาประโยชน์ไม่ได้ ต้องได้รับมติจากเจ้าของร่วมในอาคารชุด
การตกแต่งดัดแปลงต่อเติมห้องชุดใหัผิดไปจากเดิม ฟ้องบังคับให้รื้อถอนได้
📣 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1680/2561
โจทก์เป็นเจ้าของห้องชุดมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนบุคคลและมีกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ส่วนกลาง ตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง การที่จำเลยที่ 1 นำที่ดินหน้าอาคารซึ่งเป็นทรัพย์ส่วนกลางไปทำสัญญาเช่ากับจำเลยที่ 5 โดยมิได้รับมติของเจ้าของร่วม ย่อมทำให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ส่วนกลางได้รับผลกระทบกระทั่งต่อสิทธิที่โจทก์มีอยู่ ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าที่ดินบริหารบริเวณหน้าอาคารเพื่อทำแผงค้ากับจำเลยที่ 5 โดยทรัพย์สินที่เช่าเป็นทรัพย์ส่วนกลางของอาคารชุด เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ในการจัดการทรัพย์ส่วนกลางจะต้องได้รับมติของเจ้าของร่วม ตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 33 วรรคสอง เมื่อไม่ได้รับมติจากเจ้าของร่วม จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อกำหมาย สัญญาเช่าตกเป็นโมฆะ การต่อสัญญาเช่าฉบับต่อมาตกเป็นโมฆะด้วย
📣 คำพิพากษาศาลฏีกาที่ 8719/2554
แม้โจทก์จะฟ้องตั้งเรื่องเป็นละเมิด แต่ตามทางบรรยายฟ้องเป็นกรณีโจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่า จำเลยก่อสร้างดัดแปลงต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตและเป็นการฝ่าฝืนต่อข้อบังคับนิติบุคคลอาคารชุดและ พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522 ดังนี้ไม่ใช่ฟ้องเรื่องละเมิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 448 หากแต่เป็นการฟ้องโดยอาศัยข้อบังคับนิติบุคคลอาคารชุดและพ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522 ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษที่มีวัตถุประสงค์คุ้มครองประโยชน์และความปลอดภัยของการอยู่ร่วมกันในอาคารชุดเป็นสำคัญ โจทก์จึงฟ้องบังคับให้จำเลยรื้อถอนส่วนที่ดัดแปลงต่อเติมโดยฝ่าฝืนข้อบังคับและบทกฎหมายดังกล่าวได้เสมอตราบเท่าที่การก่อสร้างดัดแปลงต่อเติมอาคารของจำเลยยังคงอยู่
ดู พ.ร.บ.อาคารชุด 2522 มาตรา 48 ฯ ประกอบด้วยค่ะ
ทั้ง 2 ฎีกาเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมาก จะพบนิติบุคคลอาคารชุด นำทรัพย์สินส่วนกลางไปแสวงหาผลประโยชน์ และเจ้าของอาคารชุดส่วนมากมักจะต่อเติมอาคารชุดให้ผิดไปจากเดิมฯลฯ ปัญหาดังกล่าว กลายเป็นคดีความให้ท่านทนายความต้องนำคดีไปสู่ศาล
เครดิต : แอดมินกลุ่ม”เพื่อนนักกฏหมายไทย” >> สุวดี/หนุ่ม นิติ/ต่อ ณัฐพงศ์/บัลลังก์