การยินยอมให้ทำการรักษา ไม่ว่าด้วยวาจา หรือทำเป็นหนังสือ ไม่ใช้การยินยอมสละสิทธิเรียกค่าเสียหาย หากการรักษาไม่ได้มาตรแห่งวิชาชีพแพทย์
จำเลยวินิจฉัยโรคและทำการรักษาโจทก์ผิดพลาด ผิดอาญา ฐานประมาทเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส
📣 คำพิพากษาศาลฏีกาที่ 6092/2552
จำเลยที่ 3 มิได้ตรวจดูอาการของโจทก์ตั้งแต่แรกเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมสารคามด้วยตนเอง แต่วินิจฉัยโรคและสั่งการรักษาอาการของโจทก์ตามที่ได้รับรายงานทางโทรศัพท์จากพยาบาลแทนโดยไม่ได้ตรวจสอบประวัติการรักษาของโจทก์ด้วยตนเอง แม้จำเลยที่ 3 จะสอบถามจากพยาบาลก่อนที่พยาบาลจะฉีดยาให้แก่โจทก์เพื่อทำการรักษาก็ตาม ก็มิใช่วิสัยของบุคคลผู้มีวิชาชีพเป็นแพทย์จะพึงกระทำไม่ ทั้งห้องแพทย์เวรกับห้องฉุกเฉินที่โจทก์อยู่ห่างกันเพียง 20 เมตร ไม่ปรากฏว่ามีเหตุสุดวิสัยอันทำให้จำเลยที่ 3 ไม่สามารถมาตรวจวินิจฉัยอาการของโจทก์ได้ด้วยตนเองแต่อย่างใด ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ประมาทเลินเล่อ เมื่อพยาบาลฉีดยาบริคานิลให้แก่โจทก์ตามที่จำเลยที่ 3 สั่งการ หลังจากนั้นโจทก์มีอาการแพ้ยาอย่างรุนแรง โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์มีอาการเช่นว่านั้นมาก่อน อาการแพ้ยาดังกล่าวจึงเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยที่ 3 ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย อันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
ความยินยอมของโจทก์ที่ให้จำเลยที่ 3 ทำการรักษา หากการรักษานั้นไม่ได้เป็นไปตามมาตรแห่งวิชาชีพแพทย์ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายโจทก์ ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 3 อันเป็นการกระทำละเมิด จำเลยที่ 3 ก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 1 อันเป็นหน่วยงานของรัฐให้รับผิดต่อโจทก์ในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 3 ได้กระทำในการปฏิบัติหน้าที่ได้
ค่าทนทุกข์ทรมานระหว่างเจ็บป่วย ค่าเสียสมรรถภาพในการมองเห็นและค่าสูญเสียความสวยงาม ถือเป็นความเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงิน ซึ่งโจทก์จึงมีสิทธิเรียกได้โดยไม่ต้องคำนึงว่าโจทก์ประกอบอาชีพด้วยหรือไม่
📚 กฏหมายที่เกี่ยวข้อง : มาตรา 446,420
📣 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18311/2556
จำเลยซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทาง ทางสูตินรีเวช เป็นผู้มีความรู้เชี่ยวชาญทำการตรวจรักษาโจทก์ร่วมโดยมีข้อบกพร่องต่อการประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตราฐานอย่างดีที่สุด มิได้ตรวจรักษาโจทก์ร่วมด้วยการตรวจภายในอย่างละเอียดและใช้ความระมัดระวังอย่างรอบคอบเช่นเดียวกับแพทย์ที่โรงพยาบาล พ. มิฉะนั้นจำเลยต้องทราบว่าโจทก์ร่วมตั้งครรภ์นอกมดลูก และจะไม่รักษาด้วยการขูดมดลูก ทั้งจากผลการตรวจเนื้อเยื่อว่าไม่พบชิ้นเนื้อรกให้เห็น เชื่อว่าจำเลยทราบแล้วว่าโจทก์ร่วมไม่ได้ตั้งครรภ์มีลักษณะไข่ฝ่อ แต่ตั้งครรภ์นอกมดลูกซึ่งจำเลยวินิจฉัยโรคและทำการรักษผิดวิธี ทั้งจำเลยไม่ปรับแก้วิธีการรักษาให้ถูกต้องหรือเตือนให้โจทก์ร่วมทราบ เป็นเหตุให้เมื่อโจทก์ร่วมถูกนำตัวส่งโรงพยาบาบ พ. จึงมีอาการหนักถึงขั้นโคม่า ท่อนำไข่ข้างขวาแตก มีเลือดออกในช่องท้องมากถึง 2 ลิตร ต้องผ่าตัดด่วนนำเลือดและท่อนำไข่ที่แตกออกจึงพ้นขีดอันตราย การที่โจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสจึงเกิดจากการที่จำเลยไม่ใช้ความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมอย่างดีที่สุดด้วยความระมัดระวังให้รอบคอบเพียงพอ จึงทำให้จำเลยวินิจฉัยโรคและทำการรักษาโจทก์ร่วมผิดพลาด ซึ่งจำเลยคงตระหนักได้และยอมรับในความผิดพลาดของตนมาแต่แรกแล้ว จึงไม่ได้อุทธรณ์หรือโต้แย้งมติของแพทยสภา ที่เห็นว่าจำเลยกระทำผิดและลงโทษว่ากล่าวตักเตือน จำเลยจึงมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัส ตาม ป.อ. มาตรา 300
ท่านทนายความจะให้ผู้เสียหายคดีอาญา เรียกค่าสินไหมทดแทนทางแพ่งตาม ป.วิ.อ มาตรา 44/1 (ยื่นคำร้องในคดีพนักงานอัยการเป็นโจทก์) กรณีนี้ผู้เสียหายไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล ป.วิ.อ.253 ฎีกา 9822/2554,13172/2556
แต่หากผู้เสียหายไปฟ้องคดีแพ่งเอง ผู้เสียหายต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลตาม ป.วิ.อ.มาตรา 254 ค่ะ
เครดิต : แอดมินกลุ่ม”เพื่อนนักกฏหมายไทย” >> สุวดี/หนุ่ม นิติ/ต่อ ณัฐพงศ์/บัลลังก์